พาสคีย์เข้ามาแทนที่รหัสผ่านโดยมีวิธีลงชื่อเข้าใช้ที่ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งยังไม่มีการเก็บไพรเวทคีย์ของคุณไว้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์อย่างเด็ดขาดคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าการรั่วไหลของข้อมูลบนเว็บไซต์จะทำให้บัญชีของคุณตกอยู่ในอันตราย ซึ่งพาสคีย์จะไม่มีวันออกไปนอกอุปกรณ์ของคุณและถูกเจาะจงมาเพื่อใช้บนเว็บไซต์ที่คุณสร้างพาสคีย์นั้นไว้เท่านั้น จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้วิธีหลอกลวงแบบฟิชชิ่งเพื่อให้ได้พาสคีย์มา นอกจากนี้ พาสคีย์ยังได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และยังซิงค์ตรงกันระหว่างอุปกรณ์ Apple ต่างๆ ของคุณผ่านคุณสมบัติพวงกุญแจ iCloud เพียงแค่ใช้ Face ID หรือ Touch ID บนอุปกรณ์ Apple ก็ลงชื่อเข้าใช้ได้เลย และสำหรับเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple ก็สามารถใช้พาสคีย์ที่บันทึกไว้ได้โดยการสแกนรหัส QR ด้วย iPhone หรือ iPad แล้วใช้ Face ID หรือ Touch ID เพื่อยืนยันตัวตน
การปรับแต่งคุณสมบัติต่างๆ ให้เหมาะกับ ความต้องการของคุณนั้นจะใช้ข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์ของคุณเอง อีกทั้งข้อมูลที่ส่งจากอุปกรณ์ของคุณ ไปยังบริการแผนที่ยังถูกเชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้แบบสุ่มด้วย ดังนั้น Apple จึงไม่มีข้อมูลประวัติการเคลื่อนที่หรือการค้นหาของคุณ
ปรับแต่งให้เป็นคุณ
คุณสมบัติที่มีประโยชน์หลายๆ อย่าง เช่น การหารถ ที่คุณจอดไว้นั้นจะใช้ข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์ของคุณเอง ซึ่งช่วยลดปริมาณข้อมูลที่ส่งมายังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple
การเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
แอปแผนที่จะซิงค์ข้อมูลส่วนตัวของคุณในทุกอุปกรณ์ด้วยการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางสถานที่สำคัญและคอลเลกชั่นต่างๆ ของคุณจะถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางดังนั้น Apple จึงไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ แม้แต่ในกรณีที่คุณแชร์เวลา ที่คาดว่าจะไปถึงกับผู้ใช้แอปแผนที่คนอื่นๆ Apple ก็ยังไม่สามารถเห็นตำแหน่งที่คุณอยู่ได้เช่นกัน
การจำใบหน้าและการตรวจจับฉากและวัตถุจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น ไม่ใช่ในคลาวด์ ด้วยวิธีนี้ Apple จึงสามารถให้บริการคุณสมบัติอันล้ำสมัยเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเข้าถึงรูปภาพของคุณ ส่วนแอปต่างๆ จะเข้าถึงรูปภาพของคุณได้ก็ต่อเมื่อคุณอนุญาตแล้วเท่านั้น
ล็อคอัลบั้มที่ซ่อนอยู่และที่ลบล่าสุดในแอปรูปภาพ
อัลบั้มที่ซ่อนอยู่และอัลบั้มที่ลบล่าสุดในแอปรูปภาพจะถูกล็อคไว้เป็นค่าเริ่มต้นและคุณสามารถปลดล็อคได้โดยใช้วิธีการยืนยันตัวตนของอุปกรณ์คุณไม่ว่าจะด้วย Face ID, Touch ID หรือรหัสผ่านของคุณ
Siri ได้รับการออกแบบมาให้เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ในขณะออฟไลน์ บนอุปกรณ์ของคุณเอง โดยการค้นหาและคำขอจะถูกเชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้แบบสุ่ม ซึ่งเป็นตัวอักษรและตัวเลขเรียงต่อกันยาวๆ แทนที่จะเป็นบัญชี Appleของคุณ
คำแนะนำในตัวอุปกรณ์
เมื่อคุณขอให้ Siri อ่านหรือค้นหาข้อมูลในอุปกรณ์ของคุณ เช่น ในข้อความและโน้ตและเมื่อ Siri แนะนำผลลัพธ์ต่างๆรวมถึงผ่านทางวิดเจ็ตและคุณสมบัติค้นหาโดย Siri ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของคุณจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณโดยไม่มีการส่งมาที่เซิร์ฟเวอร์ของ Appleนอกจากนี้คุณสมบัติคำแนะนำโดย Siriในคีย์บอร์ด QuickType ก็อาศัยกระบวนการทางภาษาในรูปแบบโครงข่ายประสาทที่ Apple พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทำงานบนอุปกรณ์ของคุณได้โดยตรง
ตัวบ่งชี้แบบสุ่ม
ถึงแม้ว่า Apple จะพยายามทำสิ่งต่างๆ ในตัวอุปกรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อคุณใช้คุณสมบัติบางอย่าง เช่น การขอ Siri ด้วยเสียงพูด หรือการค้นหาใน Spotlight และ Safari แต่เซิร์ฟเวอร์ของ Apple ก็ยังต้องการข้อมูลที่คุณป้อนแบบเรียลไทม์อยู่ และเมื่อจำเป็นต้องส่งข้อมูลไปที่เซิร์ฟเวอร์ เราก็จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณโดยใช้ตัวบ่งชี้แบบสุ่ม แทนที่จะเป็นบัญชี Appleของคุณ นอกจากนี้ยังอาจมีการส่งข้อมูลอย่างตำแหน่งที่ตั้งของคุณมายัง Apple เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของการตอบกลับ โดยที่คุณสามารถปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้งได้ทุกเมื่อ
การประมวลผล ในตัวอุปกรณ์
การประมวลผลเสียงคำสั่งของคุณจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ของคุณทั้งหมด เว้นแต่ว่าคุณได้เลือกที่จะแชร์ข้อมูลกับ Apple และด้วย Apple Neural Engine ทำให้สามารถใช้โมเดลการจำเสียงพูดที่มีคุณภาพสูงในระดับเดียวกับการจำเสียงพูดที่อาศัยเซิร์ฟเวอร์ได้2
Siri และการป้อนตามคำบอก
ยิ่งคุณใช้งาน Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกมานานขึ้นเท่าไหร่ ระบบก็จะเข้าใจและปรับปรุงการทำงานได้ดียิ่งขึ้น นั่นเพราะข้อมูลบางส่วน เช่น ชื่อของผู้ติดต่อ หรือเพลง หนังสือ และพ็อดคาสท์ที่คุณฟังจะถูกส่งไปที่เซิร์ฟเวอร์ของ Apple โดยใช้โปรโตคอลที่เข้ารหัส เพื่อช่วยให้ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกสามารถจดจำวิธีที่คุณออกเสียงพูด และตอบสนองต่อความต้องการของคุณได้ดียิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การทำงานของ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกจะไม่เชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้กับบัญชี Apple ของคุณ แต่จะเป็นตัวบ่งชี้แบบสุ่มที่อุปกรณ์ของคุณสร้างขึ้นแทน และคุณสามารถรีเซ็ตตัวบ่งชี้เหล่านี้ได้ทุกเมื่อ เพียงปิด Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกแล้วเปิดใหม่เพื่อเริ่มการใช้งานระหว่างคุณกับคุณสมบัตินี้อีกครั้ง เพราะเมื่อใดที่มีการปิดใช้งาน Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอก ข้อมูล Siri ของคุณที่เกี่ยวข้องกับตัวบ่งชี้ Siri ก็จะถูกลบไปด้วย เพื่อเตรียมรองรับกระบวนการเรียนรู้ครั้งใหม่เมื่อคุณเปิดใช้งาน Siri อีกครั้ง โดยการป้อนตามคำบอกบนอุปกรณ์จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณให้รัดกุมยิ่งขึ้น ด้วยการประมวลผลทุกสิ่งทุกอย่างแบบออฟไลน์
การปรับปรุง Siri และการป้อนตามคำบอก
ตามค่าเริ่มต้นแล้ว Apple จะไม่เก็บเสียงบันทึกการโต้ตอบกับ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกไว้ แต่จะใช้บทสนทนาที่ถอดเสียงโดยคอมพิวเตอร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกแทน โดยที่คุณสามารถเลือกที่จะช่วยปรับปรุง Siri ได้ โดยการอนุญาตให้ Apple จัดเก็บและศึกษาเสียงการโต้ตอบระหว่างคุณกับ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอก ซึ่งคุณจะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ โดยที่ตัวอย่างเสียงเหล่านี้จะถูกเชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้แบบสุ่ม แทนที่จะเป็นบัญชี Apple ของคุณ นอกจากนี้ คุณยังสามารถลบคำขอทั้งหมดที่คุณมีกับ Siri และคุณสมบัติการป้อนตามคำบอกที่เชื่อมโยงอยู่กับตัวบ่งชี้แบบสุ่มออกจากเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ได้ทุกเมื่อ ซึ่งรวมไปถึงเสียงบันทึกและบทสนทนาที่ถอดเสียงโดยคอมพิวเตอร์ด้วย แต่คุณอาจไม่สามารถลบคำขอที่เก่าเกินกว่า 6 เดือน และตัวอย่างคำขอส่วนเล็กๆ ที่ผ่านการศึกษาแล้ว เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะไม่ได้เชื่อมโยงอยู่กับตัวบ่งชี้แบบสุ่มอีกต่อไป
ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของ Apple ออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณโดยคุณสามารถควบคุมได้ว่าจะให้ข้อมูลอะไรไปปรากฏบนแอปสุขภาพรวมถึงจะให้แอปไหนเข้าถึงข้อมูลของคุณผ่านทางแอปสุขภาพได้บ้าง
คุณสมบัติลงชื่อเข้าด้วย Apple ให้คุณลงชื่อเข้าแอปและเว็บไซต์ด้วยบัญชี Apple ที่คุณมีอยู่แล้ว โดยเมื่อคุณลงชื่อเข้าด้วย Apple แล้ว เว็บไซต์และแอปต่างๆ จะขอข้อมูลได้มากสุดเพียงแค่ชื่อและที่อยู่อีเมลของคุณเท่านั้น นอกจากนี้ Apple จะไม่มีการติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณเมื่อคุณลงชื่อเข้าด้วย Apple
ซ่อนอีเมลของคุณ
หากคุณไม่ต้องการแชร์ที่อยู่อีเมลกับแอปหรือเว็บไซต์ใดก็สามารถเลือกให้ซ่อนได้ และคุณยังเลือกให้ Apple สร้างที่อยู่อีเมลเฉพาะเพื่อใช้ส่งต่อข้อความไปยังอีเมลจริงของคุณได้อีกด้วย
การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย
การใช้งานคุณสมบัติลงชื่อเข้าด้วย Apple ต้องใช้กับบัญชี Apple ที่เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้การเข้าถึงบัญชีต่างๆ ในแอปโปรดของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก
อัปเกรดเป็น "ลงชื่อเข้าด้วย Apple"
นักพัฒนาสามารถเพิ่มตัวเลือกสำหรับคุณในการอัปเกรดบัญชีที่มีอยู่แล้วในแอปโดยใช้การลงชื่อเข้าด้วย Appleนั่นทำให้คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยใช้ Face ID หรือ Touch ID และใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยของ Apple เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องสมัครบัญชีใหม่
ความบันเทิง
บริการด้านความบันเทิงของเราใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ สิ่งที่คุณฟัง รับชม และเล่นเพื่อช่วยปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานให้ตรงใจคุณมากยิ่งขึ้น แต่ Apple จะไม่มีการสร้างโปรไฟล์ที่ครอบคลุมกิจกรรมทุกอย่างที่คุณทำในบริการต่างๆ
Apple Music
Apple Music ไม่มีโฆษณาจากบริษัทอื่น โดย Apple จะเก็บข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณทำเมื่อคุณเล่นหรือเลือกหาเพลง เพื่อช่วยให้คุณสมบัติสำหรับแต่ละบุคคลต่างๆ อย่างเช่น คุณสมบัติฟังตอนนี้คุณสมบัติเล่นเพลงอัตโนมัติ การมิกซ์เพลงส่วนตัว และการแจ้งเตือนเพลงออกใหม่นั้นสอดคล้องกับรสนิยมทางดนตรีของคุณ ซึ่งเราได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในหน้าเกี่ยวกับ Apple Music และความเป็นส่วนตัวในขั้นตอนการตั้งค่า ทั้งนี้ Apple Music มีข้อผูกพันในการแชร์ข้อมูลบางอย่างที่เก็บรวบรวมเข้าด้วยกันให้กับพาร์ทเนอร์อย่างค่ายเพลงเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ เช่น การชำระค่าลิขสิทธิ์ให้แก่ศิลปิน แต่การดำเนินการดังกล่าวจะใช้มาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมเท่านั้น
ซึ่ง Apple Music นั้นจะไม่แชร์ข้อมูลกับพาร์ทเนอร์โดยใช้ตัวบ่งชี้ผู้ใช้หรืออุปกรณ์ใดๆ และถ้าหากคุณไม่อยากเก็บคอลเลกชั่นเพลงไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของเรา ก็สามารถเลือกที่จะไม่ใช้คลังเพลง iCloud ได้ ยิ่งไปกว่านั้น iOS และ iPadOS ยังให้คุณควบคุมได้ว่าแอปไหนบ้างที่สามารถเข้าถึงบัญชีเพลงและรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของคุณ อีกทั้งคุณสมบัติเพื่อนใน Apple Music ที่คุณเลือกใช้ได้นั้นยังให้คุณแชร์เพลงโปรดของคุณ และเลือกได้ว่าจะให้เพื่อนคนไหนเห็นเพลงในโปรไฟล์ของคุณ โดย Apple จะเข้าถึงได้เฉพาะรายชื่อที่คุณเลือกเพิ่มเป็นเพื่อนไว้ใน Apple Music เท่านั้น ไม่ใช่รายชื่อทั้งหมดของคุณ
Apple เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ซื้อ รายการดาวน์โหลด และกิจกรรมของคุณในแอป Apple TV ซึ่งรวมถึงรายการที่คุณรับชมในแอป Apple TV, แอปที่เชื่อมต่ออยู่ และตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถแนะนำรายการที่ตรงกับความสนใจ และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน Apple TV ของคุณให้ดียิ่งขึ้น โดยคุณสามารถเลือกแชร์สิ่งที่คุณรับชมในแอปที่เชื่อมต่ออยู่เพื่อนำคอนเทนต์ทั้งหมดของคุณมารวมอยู่ในที่เดียวกัน แล้วคุณยังสามารถควบคุมประวัติการรับชมที่ Apple นำไปใช้เพื่อแนะนำรายการ ที่ตรงกับความสนใจของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้ คุณยังสามารถลบประวัติการรับชมจากแอปที่ เชื่อมต่ออยู่ที่ Apple เก็บไว้ได้ทั้งหมด หรือ เลือกลบเฉพาะบางแอปก็ได้
แอปทุกแอปใน App Store นั้นจะต้องปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัดในการปกป้องความเป็นส่วนตัว รวมถึงเตรียมรายงานสรุปของแอปว่าแอปนั้นใช้ข้อมูลของคุณอย่างไร นอกจากนี้แอปยังจำเป็นต้องขออนุญาตจากคุณก่อนจะเข้าถึงสิ่งต่างๆอย่างเช่นรูปภาพหรือตำแหน่งที่ตั้งของคุณด้วย
แนวทางปฏิบัติสำหรับแอป
ใน App Store นั้น Apple กำหนดให้นักพัฒนาแอปต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและ ความปลอดภัยของผู้ใช้ นอกจากนั้น Apple ยังกำหนดให้นักพัฒนาแอปต้องแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งหาก Apple ทราบว่ามีแอปที่ฝ่าฝืนแนวทางปฏิบัติของเรานักพัฒนาจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา มิเช่นนั้นแอปดังกล่าวจะถูกถอดออกจาก App Store และก่อนที่จะเปิดให้ดาวน์โหลดใน App Store ได้นั้นแอปต่างๆ จะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียดมาแล้วด้วย
เลือกอย่างน้อยหนึ่งคนที่คุณไว้ใจให้เป็นผู้ติดต่อการกู้คืนบัญชีที่จะช่วยคุณรีเซ็ตรหัสผ่านและทำให้คุณสามารถเข้าใช้บัญชีได้อีกครั้ง โดยที่ Apple เองก็ไม่รู้เลยว่าผู้ติดต่อที่คุณไว้ใจนั้นคือใคร รู้แค่ว่าคุณได้กำหนดไว้หรือไม่เท่านั้น
โปรแกรมทรัพย์มรดก ทางดิจิทัล
โปรแกรมทรัพย์มรดกทางดิจิทัลให้คุณกำหนดได้ว่าต้องการให้ใครอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อรับมรดกของคุณ เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงบัญชีและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ในกรณีที่คุณจากไป โดยที่ Apple เองก็ไม่รู้เลยว่าผู้ติดต่อรับมรดกของคุณคือใคร รู้แค่ว่าคุณได้กำหนดไว้หรือไม่เท่านั้น
คำขอที่สร้างโดยใช้ Siri รวมถึงคำขอควบคุมอุปกรณ์เสริมสำหรับบ้านอัจฉริยะของคุณ จะถูกเชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้แบบสุ่ม ไม่ใช่กับบัญชี Apple ของคุณ จึงไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าคุณเป็นใคร
Apple ไม่มีการนำข้อมูลของนักเรียนไปขาย และเราไม่มีการแชร์ข้อมูลให้บริษัทอื่นนำไปใช้ทำการตลาดหรือโฆษณา นอกจากนี้ Apple ยังไม่เก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของนักเรียนจาก Apple School Manager, แอปงานชั้นเรียน, แอปห้องเรียน, iTunes U หรือบัญชี Apple ที่ได้รับการจัดการ เพื่อจุดประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากการให้บริการด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และ Apple จะไม่ติดตามการใช้งานของนักเรียนหรือสร้างโปรไฟล์ที่อิงจากอีเมลหรือการเข้าเข้าชมเว็บของนักเรียน โดยผู้ปกครองสามารถเลือกได้ว่าจะให้บุตรหลานของตนเข้าร่วมหรือไม่ และนักเรียนก็สามารถเข้าดูข้อมูลของตนผ่านอุปกรณ์ของตนเองได้
ความเป็นส่วนตัวคือรากฐานที่สำคัญในกระบวนการออกแบบ เราจึงออกแบบผลิตภัณฑ์แอป และบริการต่างๆ ของ Apple ให้มาพร้อมการปกป้องเหล่านี้
การลดปริมาณข้อมูล
Apple ยึดมั่นในการเก็บข้อมูลส่วนตัว เฉพาะที่จำเป็นต่อการนำเสนอในสิ่งที่คุณ ต้องการเท่านั้น นอกจากนี้ Apple ยัง ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัว ในอุปกรณ์ของคุณทุกครั้งที่เป็นไปได้ และในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว บางอย่าง เรายังลดปริมาณข้อมูลที่ใช้ สำหรับการให้บริการนั้นๆ ให้เหลือน้อย ที่สุด อย่างเช่นตำแหน่งที่ตั้งของคุณ เมื่อค้นหาในแอปแผนที่ และ Apple ก็ไม่มีการเก็บโปรไฟล์ข้อมูลผู้ใช้ ที่ครอบคลุมกิจกรรมทุกอย่างที่คุณทำ ในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเรา เพื่อนำไปใช้ในการแสดงโฆษณา แบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย
ระบบอัจฉริยะในตัวอุปกรณ์
Apple ใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานและความเป็นส่วนตัวของคุณโดยใช้การประมวลผลในตัวอุปกรณ์เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเห็นข้อมูลของคุณโดยเราได้ใช้การเรียนรู้ของระบบสำหรับการจำภาพและฉากในแอปรูปภาพหรือการคาดเดาข้อความในคีย์บอร์ดและอื่นๆอีกมากมายซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในตัวอุปกรณ์อย่างเช่นชิป A13และใหม่กว่ารวมถึง Neural Engine ใน iPhoneก็สามารถแยกแยะรูปแบบคาดการณ์ล่วงหน้าพร้อมทั้งเรียนรู้จากประสบการณ์ได้ไม่ต่างจากการเรียนรู้ของคุณทำให้อุปกรณ์สามารถสร้างประสบการณ์ที่เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนได้โดยไม่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวบนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ซึ่งตอนนี้นักพัฒนายังสามารถใช้เฟรมเวิร์กของเรา เช่น Create ML และ Core ML เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทรงพลังในการใช้งานแอปโดยไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูลออกจากอุปกรณ์ของคุณนั่นหมายความว่าแอปจะสามารถวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ใช้จำแนกฉากต่างๆแปลข้อความจดจำลายมือคาดเดาข้อความแท็กเพลงและอื่นๆอีกมากมายได้โดยไม่ทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณอยู่ในความเสี่ยง
ความโปร่งใสและการควบคุม
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเก็บข้อมูลส่วนตัวจริงๆ Apple ก็มีความชัดเจนและโปร่งใสในเรื่องนี้ โดยเราจะแจ้งให้คุณทราบว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกนำไปใช้อย่างไร รวมถึงวิธีเลือกไม่ให้เก็บข้อมูลซึ่งคุณสามารถทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและความเป็นส่วนตัวที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงวิธีที่ Apple ใช้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ โดยรายละเอียดนี้จะปรากฏขึ้นก่อนที่คุณจะลงชื่อเข้าใช้หรือเริ่มใช้คุณสมบัติใหม่ต่างๆ แล้วเรายังเตรียมชุดเครื่องมือด้านการจัดการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะไว้ในหน้าข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอีกด้วย อย่างเช่นใน iOS 14 หรือใหม่กว่า คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการอนุญาตให้แอปเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณเพียงครั้งเดียว หรือทุกครั้งที่ใช้งานแอป พร้อมทั้งคุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีแอปใดแอปหนึ่งใช้งานตำแหน่งที่ตั้งของคุณอยู่เบื้องหลัง และตัดสินใจได้ว่าคุณจะอัปเดตการอนุญาตนั้นหรือไม่