ครีเอเตอร์ออนไลน์ที่พัฒนาเนื้อหาและหลักสูตรการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกเป็นกลุ่มเศรษฐกิจบนอินเทอร์เน็ตที่กําลังเติบโต แวดวงครีเอเตอร์มีการจ้างงานถึง 300 ล้านคนทั่วโลก และมีมูลค่าถึง 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2026 อุตสาหกรรมการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกจะมีมูลค่าเกือบ 460 พันล้านดอลลาร์

ครีเอเตอร์ออนไลน์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และมาร์เก็ตเพลสได้แบบไม่จํากัด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ โค้ช ครีเอทีฟ นักการศึกษา หรือผู้ฝึกสอน เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ตช่วยให้นักการศึกษาในแคนาดาสามารถสอนหลักสูตรให้กับลูกค้าในแอฟริกาใต้ มาเลเซีย บราซิล และสหรัฐอเมริกาได้ ขณะกําลังขยายธุรกิจ คนเหล่านี้ต้องจัดการภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีการขายที่มีความแตกต่างกันไปทั่วโลกเมื่อขายผลิตภัณฑ์ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กฎระเบียบมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อตามให้ทันเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ต

หน่วยงานด้านภาษีกําลังนำกฎหมายใหม่มาใช้ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามตําแหน่งที่ตั้งของครีเอเตอร์และลูกค้า รูปแบบของหลักสูตรและผลิตภัณฑ์การเรียนรู้ดิจิทัล (แบบสดหรือบันทึกไว้ล่วงหน้า) ตลอดจนแพลตฟอร์มหรือมาร์เก็ตเพลสที่จัดจําหน่าย

คู่มือนี้จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ในการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีของครีเอเตอร์ที่พัฒนาและขายเนื้อหา หลักสูตร และผลิตภัณฑ์การเรียนรู้อื่นๆ ทางออนไลน์ คู่มือนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่สินค้าที่จับต้องได้หรือบริการที่มีสปอนเซอร์ ซึ่งอยู่ในหมวดหมู่ภาษีอื่น ข้อมูลส่วนใหญ่เหล่านี้เกี่ยวข้องกับครีเอเตอร์ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หรือครีเอเตอร์ที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้าในประเทศเหล่านั้น เป้าหมายของเราคือการช่วยให้คุณเข้าใจถึงวิธีปฏิบัติตามสภาพแวดล้อมด้านภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงและซับซ้อน ไม่ว่าคุณจะดําเนินธุรกิจและทํางานร่วมกับที่ปรึกษาด้านภาษี หรือเพิ่งเปิดตัวหลักสูตรออนไลน์เป็นครั้งแรก

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบภาษีของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

แคนาดา

แต่ละมณฑลของประเทศทั้ง 10 มณฑลและรัฐบาลกลางต่างกันกําหนดกฎระเบียบทั้งหมดสําหรับภาษีในแคนาดา ภาษีสินค้าและบริการ (GST) จะเรียกเก็บในประเทศ และเรียกเก็บในทุกมณฑล ภาษีระดับมณฑลจะแตกต่างกันออกไปทั่วประเทศ แต่ 5 มณฑล ได้แก่ นิวบรันสวิก นิวฟันด์แลนด์ และลาบราดอร์ โนวาสโกเชีย ออนแทรีโอ และปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอร์แลนด์ จะใช้อัตราภาษีเดียวกันและบวกเพิ่มกับ GST เพื่อให้ได้ภาษีการขายแบบรวมที่สอดคล้องกัน (HST) ซึ่งไม่รวมภาษีระดับมณฑลและระดับรัฐบาลกลาง

ขอบเขตของภาษีการขายระดับมณฑล (PST) จะแตกต่างกันไปเป็นอย่างมาก รัฐบาลระดับมณฑลของบริติชโคลัมเบีย มานิโตบา ควิเบก และซัสแคตเชวันต่างก็เรียกเก็บภาษีการขายระดับมณฑลของตัวเองในอัตราที่แยกกัน 4 มณฑล ได้แก่ อัลเบอร์ตา นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ นูนาวุท และยูคอน ไม่มีภาษีการขายระดับมณฑล

สหรัฐอเมริกา

ในสหรัฐฯ ไม่มีภาษีการขายและภาษีการใช้ระดับรัฐบาลกลาง หน่วยงานราชการของเขตอํานาจศาลภาษีกว่า 11,000 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยรัฐ เคาน์ตี เขต และเมืองท้องถิ่น ต่างก็จะบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับของตนเอง ไม่เพียงกฎหมายจะแตกต่างกันออกไปเท่านั้น แต่ภาษาที่เจ้าหน้าที่ใช้เพื่ออธิบายกฎหมายภาษียังแตกต่างกันไปด้วย

ต่อไปนี้คือการแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับคำที่รัฐต่างๆ ใช้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับภาษีการขาย

• ภาษีสรรพสามิตทั่วไป: ฮาวาย
  
• ภาษีรายรับรวม: นิวเม็กซิโก
  
• ภาษีอาชีพของผู้ค้าปลีก: อิลลินอยส์
  
• ภาษีการขาย การใช้งาน และผู้ให้บริการ: เมน
  
• ภาษีการขายและการใช้งาน: แอละแบมา, อลาสกา (ท้องถิ่นเท่านั้น), อาร์คันซอ, แคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, คอนเนคติคัต, ฟลอริดา, จอร์เจีย, ไอดาโฮ, อินเดียนา, ไอโอวา, แคนซัส, เคนทักกี, หลุยเซียนา, แมรีแลนด์, แมสซาชูเซตส์, มิชิแกน, มินนิโซตา, มิสซิสซิปปี, มิสซูรี, เนบราสกา, เนวาดา, นิวเจอร์ซีย์, นิวยอร์ก, นอร์ทแคโรไลนา, นอร์ทดาโคตา, โอโฮโอ, โอคลาโฮมา, เพนซิลเวเนีย, โรดไอแลนด์, เซาท์แคโรไลนา, เซาท์ดาโคตา, เทนเนสซี, เท็กซัส, ยูทาห์, เวอร์มอนต์, เวอร์จิเนีย, วอชิงตัน, เวสต์เวอร์จิเนีย, วิสคอนซิน, ไวโอมิง
  
• ภาษีสิทธิ์ธุรกรรม: แอริโซนา
  

5 รัฐ ได้แก่ อลาสกา, มอนทานา, นิวแฮมเชียร์ และโอเรกอน ไม่มีภาษีการขายของรัฐ แต่บางรัฐมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ใช้กับธุรกรรมหรือผลิตภัณฑ์บางประเภท

บางรัฐมอบอํานาจควบคุมเพิ่มเติมให้รัฐบาลท้องถิ่นในการเก็บและอัตราภาษี ไม่ว่ารัฐจะเรียกเก็บภาษีด้วยตัวเองหรือไม่ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ระบบการปกครองตนเองของโคโลราโดให้ชุมชนท้องถิ่นมีสิทธิ์มากกว่ารัฐอื่นๆ ในประเทศ เมืองต่างๆ เป็นผู้กําหนดว่าผลิตภัณฑ์และบริการใดบ้างที่จะเรียกเก็บภาษีและอัตราที่ต้องเรียกเก็บ

ภาระผูกพันในการจดทะเบียนสําหรับครีเอเตอร์

แคนาดา

หน่วยงานสรรพากรแคนาดา (CRA) กําหนดให้ครีเอเตอร์ออนไลน์ที่ขายสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้าในแคนาดาต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ด้านภาษี ไม่ว่าจะมีถิ่นพำนักในแคนาดาหรือไม่ก็ตาม หากรายรับรวมของครีเอเตอร์ในแคนาดาจากการขายโดยตรงแก่ลูกค้าในแคนาดาเกิน 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในไตรมาสตามปฏิทินเดียวหรือ 4 ไตรมาสล่าสุดติดต่อกัน ครีเอเตอร์จะต้องจดทะเบียนสําหรับ GST/HST

ระเบียบข้อบังคับนี้บังคับใช้กับเนื้อหาที่อยู่ภายใต้ GST/HST ในแคนาดาเท่านั้น ไม่ใช่การขายที่ยกเว้นภาษี นอกจากนี้ ยอดขายผ่านมาร์เก็ตเพลสยังไม่นับรวมในเกณฑ์นี้ด้วย เมื่อจดทะเบียน ครีเอเตอร์จะได้รับเลขทะเบียนธุรกิจ (BN) 9 หลักที่ไม่ซ้ํากันพร้อมบัญชี GST/HST โดยมี RT 0001 ต่อท้าย

ครีเอเตอร์ที่อยู่นอกแคนาดาจะต้องจดทะเบียน GST/HST ด้วยหากการขายโดยตรงแก่ลูกค้าในแคนาดามีมูลค่าเกิน 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในระยะเวลา 12 เดือน หากผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสเรียกเก็บภาษีในนามของครีเอเตอร์ ยอดขายเหล่านี้จะไม่นำมานับรวมในเกณฑ์การจดทะเบียน ธุรกิจต่างชาติจะได้รับประโยชน์จากกระบวนการจดทะเบียนแบบง่าย

ครีเอเตอร์ที่ดําเนินธุรกิจหรือจําหน่ายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าที่อยู่ใน 4 มณฑลที่เรียกเก็บภาษีแยกจากกันจะต้องจดทะเบียนแยกต่างหากกับรัฐบาลท้องถิ่นเหล่านี้ด้วย เมื่อจดทะเบียนแล้ว จะต้องเรียกเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องและนําส่งภาษีดังกล่าวไปยัง CRA และมณฑลที่เกี่ยวข้อง

สหรัฐอเมริกา

ความซับซ้อนและความหลากหลายในภาระหน้าที่การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีในสหรัฐอเมริกาในแต่ละเขตอํานาจศาลอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับครีเอเตอร์ที่จะต้องรู้ว่าต้องจดทะเบียนที่ไหน โดยเฉพาะเมื่อขยายธุรกิจ ครีเอเตอร์ออนไลน์ต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบภาษีในรัฐหรือเขตอํานาจศาลท้องถิ่นหากตรงกับ 1 ใน 2 หมวดหมู่ต่อไปนี้

• พวกเขามี "ความเชื่อมโยงทางกายภาพ" คํานี้หมายถึงธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปที่มีสถานที่ให้บริการ พนักงาน หรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในเขตอํานาจศาลนั้นๆ
  
• พวกเขามี "ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ" ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเชื่อมโยงกับพื้นที่ผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แทนที่จะเป็นสถานที่ทางกายภาพในรัฐหรือพื้นที่ท้องถิ่น
  

เซาท์ดาโคตาเป็นรัฐแรกที่กําหนดกฎหมายความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจซึ่งอยู่ภายใต้ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ข้อบังคับนี้กําหนดให้ผู้ขายที่อยู่นอกรัฐต้องจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีหากยอดขายโดยตรงกับลูกค้าในรัฐมีมูลค่าเกิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีปฏิทินปัจจุบันหรือปีปฏิทินที่ผ่านมา

หลายๆ รัฐทำตามในด้านกฎหมายความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของตนเอง โดยใช้เกณฑ์เดียวกันกับเซาท์ดาโคตา ในขณะเดียวกัน รัฐอื่นๆ ก็ใช้หลักการแบบเดียวกันโดยมีเกณฑ์จำนวนเงินที่ต่างออกไป หรือไม่ใช้เกณฑ์ธุรกรรมไปเลย ในรัฐแคลิฟอร์เนียและ เท็กซัส เกณฑ์คือ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ สําหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่จําหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในรัฐแอละแบมา เกณฑ์อยู่ที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่าจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในแต่ละรัฐ แต่ในเขตอํานาจศาลของสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไปแล้วผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจําเป็นต้องเก็บและนําส่งภาษีในนามของผู้ขาย หากผู้ขายไม่ถึงเกณฑ์ด้านการเงินหรือธุรกรรมผ่านการขายโดยตรง แต่ผู้ขายถึงเกณฑ์ในมาร์เก็ตเพลส ปกติแล้วพวกเขาจะไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนกับเขตอํานาจศาลของรัฐและท้องถิ่น

วิธีที่เขตอํานาจศาลเรียกเก็บภาษีเนื้อหาออนไลน์

แคนาดา

แคนาดาใช้ GST/HST กับการขายสินค้าและบริการดิจิทัลทั้งหมด โดยมีการยกเว้นสําหรับบริการด้านการศึกษาบางประเภท ได้แก่

• บทเรียนดนตรี
  
• หลักสูตรจากโรงเรียนอาชีวศึกษาที่ให้ใบรับรองหรือประกาศนียบัตรสําหรับการประกอบอาชีพ
  
• การสอนพิเศษที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานของโรงเรียนหรือตามหลักสูตรที่กําหนด
  

นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นภาษีระดับมณฑลในบริติชโคลัมเบีย มานิโตบา และซัสแคตเชวัน แต่แตกต่างกันไปในแต่ละมณฑล ตัวอย่างเช่น บริการด้านการศึกษาต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นในบริติชโคลัมเบีย

• โปรแกรมที่ให้บริการโดยโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์หรือสถาบันการศึกษา เช่น หลักสูตรออนไลน์จากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับ
  
• โปรแกรมการให้คําแนะนําหรืออบรมที่พัฒนาทักษะด้านการค้าหรืออาชีพเฉพาะทาง เช่น หลักสูตรสําหรับนักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านการพัฒนาวิชาชีพ
  
• โปรแกรมให้ความรู้แบบเรียลไทม์ เช่น การสัมมนาผ่านเว็บที่มีการโต้ตอบแบบสดระหว่างผู้เข้าร่วมกับผู้สอน
  

สหรัฐอเมริกา

ในสหรัฐฯ เขตอํานาจศาลท้องถิ่นและรัฐต่างๆ เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเรียกเก็บภาษีสําหรับสินค้าและบริการรายการใด ในเขตอํานาจศาลส่วนใหญ่ ภาษีจะมีผลกับผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ เช่น ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ เมื่อเศรษฐกิจบนโลกอินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้น หน่วยงานกํากับดูแลยังเริ่มเรียกเก็บภาษีสําหรับซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล บริการข้อมูลออนไลน์ บริการประมวลผลข้อมูลออนไลน์ และสินค้าดิจิทัลด้วย

เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่มีรัฐบาลใดจะเรียกเก็บภาษีการฝึกอบรมออนไลน์จริงเพราะเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ตอนนี้ ครีเอเตอร์ต้องเสียภาษีการขายสําหรับการฝึกอบรมทางออนไลน์หากมีลูกค้าในวอชิงตัน ดี.ซี. ฮาวาย นิวเม็กซิโก เพนซิลเวเนีย เซาท์ดาโคตา และเวสต์เวอร์จิเนีย ทั้งหมดนี้คิดที่อัตราท้องถิ่น

หลักสูตรออนไลน์ที่ถ่ายทําล่วงหน้าและไม่ได้นําเสนอผ่านการสตรีมสดจะมีกระบวนการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นสําหรับครีเอเตอร์ หลายรัฐจัดหมวดหมู่หลักสูตรออนไลน์ที่มีเสียง วิดีโอ และรูปภาพดิจิทัลในฐานะการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) ซึ่งอาจเรียกเก็บภาษีแตกต่างจากบริการออนไลน์อื่นๆ ครีเอเตอร์มีหน้าที่ในการทำความเข้าใจความแตกต่างและความหลากหลายของกฎหมายภาษีการขาย แม้ว่าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากอาจมีการเรียกเก็บภาษีหลักสูตรเดียวกันได้ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขึ้นอยู่กับกฎหมายของท้องถิ่น

วิธีคํานวณภาษีการขาย

แคนาดา

เมื่อจําหน่ายเนื้อหาดิจิทัลให้กับลูกค้าในแคนาดา คุณสามารถติดตามอัตราภาษีที่ใช้กับลูกค้าแต่ละรายตามตําแหน่งที่ตั้งของลูกค้าเหล่านั้นได้ CRA นําเสนอคําแนะนําแบบละเอียดเพื่อช่วยให้ธุรกิจและครีเอเตอร์ทราบว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน ที่อยู่บ้าน ที่อยู่ของธุรกิจ ที่อยู่ในการเรียกเก็บเงิน ที่อยู่อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP) ของอุปกรณ์หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินสามารถทําหน้าที่เป็นข้อมูลซึ่งชี้คุณไปยังอัตราภาษีที่เหมาะสมได้

CRA จัดการการปฏิบัติตามภาษีสินค้าและบริการของประเทศ (GST) ในระดับรัฐบาลกลาง ขณะที่ 5 มณฑล (นิวบรันสวิก นิวฟันด์แลนด์และลาบราดอร์ โนวาสโกเชีย ออนแทรีโอ และปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์) จะรวมภาษีระดับมณฑลเข้ากับ GST เพื่อสร้างภาษีการขายแบบพิกัดศุลกากร (HST) HST รวมทั้งภาษีระดับมณฑลและระดับรัฐบาลกลาง

ภาษีระดับรัฐบาลกลาง:

• 5% (GST) ในอัลเบต้า บริติช โคลัมเบีย มานิโตบา นอร์ทเวสต์ เทร์ริทอรี นุวุท ควิเบก ซาสกัตเชวัน และยูคอน
  
• 13% (HST) ในออนแทรีโอ
  
• 15% (HST) ในนิวบรันสวิก นิวฟันด์แลนด์และลาบราดอร์ โนวาสโกเชีย และปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์
  

ภาษีแยกมณฑล:

• ภาษีการขายระดับมณฑล 7% (PST) ในบริติชโคลัมเบีย
  
• ภาษีการขายสินค้าขายปลีก 7% (RST) ในมานิโตบา
  
• ภาษีการขายในควิเบก (QST) 9.975% ในควิเบก
  
• ภาษีการขายระดับภูมิภาค (PST) 6% ในซัสกัตเชวัน
  

4 มณฑล ได้แก่ อัลเบอร์ตา นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ นูนาวุท และยูคอน ไม่มีภาษีการขายระดับมณฑล

สหรัฐอเมริกา

ในรัฐส่วนใหญ่ ครีเอเตอร์จะเรียกเก็บอัตราภาษีตามตําแหน่งที่ตั้งของลูกค้า ตามกฎหมายเหล่านี้ ซึ่งเรียกว่ากฎหมายแหล่งปลายทาง ครีเอเตอร์จะใช้เขตอํานาจศาลภาษีของลูกค้าในการกําหนดอัตราภาษี แต่ในบางเขตอํานาจศาล ครีเอเตอร์จะต้องเรียกเก็บภาษีลูกค้าตามอัตราภาษีในตําแหน่งที่ตั้งของตน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจะเรียกว่าแหล่งต้นทาง แอริโซนา อิลลินอยส์ และเท็กซัสต่างก็ใช้แหล่งต้นทาง นั่นคือ หากคุณจําหน่ายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าในรัฐดังกล่าว คุณต้องเรียกเก็บภาษีตามอัตราภาษีของคุณเอง รัฐแคลิฟอร์เนียไม่เหมือนกัน เนื่องจากใช้แหล่งต้นทางสําหรับภาษีของรัฐ เคาน์ตี และเมือง แต่ภาษีของเขตจะใช้แหล่งปลายทางตามที่อยู่ของลูกค้า

ผลกระทบทางภาษีจากการขายบนแพลตฟอร์มหรือมาร์เก็ตเพลส

แคนาดา

ครีเอเตอร์ที่ทํางานและอาศัยอยู่ในแคนาดาจะต้องเรียกเก็บเงินและเรียกเก็บ GST/HST เมื่อตรงตามข้อกําหนดด้านการจดทะเบียน ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ครีเอเตอร์ที่อยู่นอกแคนาดาที่ถึงเกณฑ์ข้อกําหนดการจดทะเบียนจะต้องเสียภาษีและนําส่งภาษีการขายจากการขายให้แก่บุคคลทั่วไปในแคนาดาโดยตรงเท่านั้น พวกเขาไม่จําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีการขายหากขายโดยตรงแก่ธุรกิจ ลูกค้าควรระบุหมายเลขบัญชี GST/HST เมื่อซื้อสินค้า/บริการ หากเป็นธุรกิจ

เมื่อมาร์เก็ตเพลสออนไลน์เพิ่มขึ้น แคนาดาก็นํากฎหมายความรับผิดทางภาษีมาใช้ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาระหน้าที่ในการปฏิบัติตามข้อกําหนดของครีเอเตอร์ที่ขายหลักสูตรและผลิตภัณฑ์การเรียนรู้ดิจิทัลอื่นๆ ทางออนไลน์ผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส CRA ระบุว่าผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะเรียกเก็บหรือรับการชําระเงินและส่งเงินทั้งหมดหรือบางส่วนให้กับครีเอเตอร์โดยตรงหรือผ่านบุคคลที่สามเสมอ ในแคนาดา ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะไม่รวมถึงบุคคลหรือธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจเป็นเฉพาะเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ครีเอเตอร์นำเสนอหลักสูตรของตน เช่น เว็บไซต์ประกาศหรือเว็บไซต์โฆษณา หรือเป็นผู้ประมวลผลการชําระเงินเพียงอย่างเดียว

ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะต้องเก็บ GST/HST สำหรับเนื้อหาดิจิทัลหรือหลักสูตรที่จัดทําให้กับบุคคลทั่วไปในแคนาดาเท่านั้น หากครีเอเตอร์เนื้อหาไม่ได้อยู่หรือจดทะเบียนตามข้อกําหนด GST/HST ปกติในแคนาดา หากครีเอเตอร์เนื้อหาอยู่ในแคนาดาและจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บ GST/HST แล้ว ครีเอเตอร์จะต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษีไม่ว่าจะดําเนินการผ่านมาร์เก็ตเพลสหรือไม่ก็ตาม

ต่อไปนี้คือรายละเอียดความรับผิดเกี่ยวกับ GST/HST ของครีเอเตอร์เมื่อขายสินค้าหรือบริการโดยตรงหรือผ่านมาร์เก็ตเพลส โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของครีเอเตอร์และประเภทลูกค้าที่ตนจําหน่ายสินค้าให้

• ครีเอเตอร์ที่อยู่นอกแคนาดา
  
  • จําหน่ายให้แก่ธุรกิจในรัฐแคลิฟอรีโดยตรง: ไม่รับผิดต่อ GST/HST
    
  • จําหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปในรัฐแคลิฟาโดยตรง: รับผิดต่อ GST/HST เมื่อถึงเกณฑ์
    
  • จําหน่ายผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส: ไม่รับผิดต่อ GST/HST (ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสต้องรับผิด)
    
• ครีเอเตอร์ในแคนาดา
  
  • จําหน่ายให้แก่ธุรกิจในรัฐแคลิฟอรีโดยตรง: รับผิดต่อ GST/HST เมื่อถึงเกณฑ์
    
  • จําหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปในรัฐแคลิฟาโดยตรง: รับผิดต่อ GST/HST เมื่อถึงเกณฑ์
    
  • จําหน่ายผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส: รับผิดต่อ GST/HST เมื่อถึงเกณฑ์
    

สหรัฐอเมริกา

ครีเอเตอร์ในสหรัฐอเมริกาจําเป็นต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีการขายจากเนื้อหาดิจิทัลที่ขายให้โดยตรงแก่ลูกค้าเมื่อเกินเกณฑ์ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของแต่ละเขตอํานาจศาล ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปก็ตาม

ทุกรัฐในสหรัฐอเมริกาได้บังคับใช้กฎหมายผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่โยกความรับผิดต่อการขายที่ดําเนินการผ่านมาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้กฎหมายจะแตกต่างกันไปในแต่ละเขตอํานาจศาล แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีในนามของครีเอเตอร์ที่ทําการขายผ่านมาร์เก็ตเพลส ตามกฎหมายนี้ ยอดขายที่ดําเนินการผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะไม่มีผลกับเกณฑ์ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจสําหรับข้อกําหนดการจดทะเบียน

• ครีเอเตอร์ในสหรัฐอเมริกา
  
  • จําหน่ายให้แก่ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาโดยตรง: รับผิดในการเก็บและนําส่งภาษีตามระเบียบข้อบังคับในระดับรัฐและเขตอํานาจศาลเมื่อความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
    
  • จําหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปในสหรัฐอเมริกาโดยตรง: รับผิดในการเรียกเก็บและนําส่งภาษีตามระเบียบข้อบังคับที่ระดับรัฐและเขตอํานาจศาลเมื่อความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
    
  • จําหน่ายผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส: โดยทั่วไปแล้ว จะไม่รับผิดเกี่ยวกับภาษีการขาย
    
• ครีเอเตอร์ที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา
  
  • จําหน่ายให้แก่ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาโดยตรง: รับผิดในการเรียกเก็บและนําส่งภาษีตามระเบียบข้อบังคับที่ระดับรัฐและเขตอํานาจศาลเมื่อความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
    
  • จําหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปในสหรัฐอเมริกาโดยตรง: รับผิดในการเรียกเก็บและนําส่งภาษีตามระเบียบข้อบังคับที่ระดับรัฐและเขตอํานาจศาลเมื่อความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
    
  • จําหน่ายผ่านผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส: โดยทั่วไปแล้ว จะไม่รับผิดเกี่ยวกับภาษีการขาย
    

การปฏิบัติตามข้อกําหนดทั่วโลก

แม้คู่มือนี้จะเน้นไปที่ตลาดในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา แต่ก็มีกฎหมายที่ครอบคลุมทั่วโลกซึ่งเกี่ยวข้องกับครีเอเตอร์โดยไม่คํานึงถึงตําแหน่งที่ตั้งของครีเอเตอร์ กฎหมายแต่ละฉบับมีความแตกต่างและข้อยกเว้นเป็นของตัวเอง

ตัวอย่างเช่น หากครีเอเตอร์ในแคนาดาขายหลักสูตรวิดีโอแบบบันทึกล่วงหน้าให้กับบุคคลทั่วไปในสหภาพยุโรปหรือสหราชอาณาจักร ครีเอเตอร์จะต้องจดทะเบียนและเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในท้องถิ่น (VAT) ตั้งแต่การขายครั้งแรก อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรก็มีคําจํากัดความที่แคบลงสําหรับเนื้อหาดิจิทัลเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยระบุว่าเป็นระบบอัตโนมัติและมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์น้อยที่สุด การฝึกอบรมทางออนไลน์แบบเรียลไทม์ไม่ถือว่าเป็นเนื้อหาดิจิทัล และไม่จําเป็นต้องจดทะเบียน เก็บรวบรวม หรือนําส่งภาษีมูลค่าเพิ่มของสหภาพยุโรปหรือสหราชอาณาจักร

ครีเอเตอร์เนื้อหาที่จําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการแก่บุคคลทั่วไปในนิวซีแลนด์และออสเตรเลียจะต้องจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีก็ต่อเมื่อรายได้ของครีเอเตอร์มียอดถึงเกณฑ์ที่กําหนดไว้เท่านั้น ในออสเตรเลีย ครีเอเตอร์จะต้องจดทะเบียนหากมียอดขายเกิน 75,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียแก่ลูกค้าในออสเตรเลียในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หรือเกินจํานวนดังกล่าวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สําหรับนิวซีแลนด์ เกณฑ์ภาษีคือ 60,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ทั้งสองประเทศเรียกเก็บภาษีบริการดิจิทัลทั้งหมดจากครีเอเตอร์เนื้อหา ทั้งสำหรับการฝึกอบรมแบบสดและหลักสูตรที่บันทึกล่วงหน้า

ระเบียบข้อบังคับด้านภาษีที่เกี่ยวข้องจะแตกต่างกันไปทั่วโลก และกฎระเบียบเหล่านี้จะยังคงปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเมื่อธุรกิจหันมาใช้แพลตฟอร์มและเครื่องมือออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

Stripe ช่วยให้มาร์เก็ตเพลสสร้างและขยายธุรกิจการชําระเงินและบริการทางการเงินระดับโลกที่ทรงประสิทธิภาพได้ โดยใช้เวลาการทํางานน้อยลงและมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้น Stripe Tax ลดความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีทั่วโลก เพื่อให้คุณมีเวลาทุ่มเทกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยระบบจะคํานวณและเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสินค้าและบริการโดยอัตโนมัติจากทั้งสินค้าและบริการที่จับต้องได้และแบบดิจิทัลในทุกรัฐของสหรัฐอเมริกาและใน 40 ประเทศ Stripe Tax สร้างขึ้นภายใน Stripe โดยเฉพาะ และช่วยให้คุณเริ่มใช้งานได้รวดเร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีการผสานการทํางานหรือใช้ปลั๊กอินของบริษัทอื่น

Stripe Tax ช่วยให้คุณดําเนินการดังต่อไปนี้ได้

• ทําความเข้าใจว่าจะจดทะเบียนและเรียกเก็บภาษีที่ไหน ดูตำแหน่งที่ตั้งที่คุณอาจต้องเรียกเก็บภาษีโดยอิงตามธุรกรรมใน Stripe หลังจากจดทะเบียนแล้ว ก็จะเปิดใช้การเรียกเก็บภาษีในรัฐหรือประเทศใหม่ได้ภายในไม่กี่วินาที คุณจะเริ่มเรียกเก็บภาษีได้โดยเพิ่มโค้ดเพียงบรรทัดเดียวลงในการเชื่อมต่อการทํางาน Stripe ที่ใช้อยู่ หรือเพิ่มการเรียกเก็บภาษีลงในผลิตภัณฑ์ Stripe ที่ไม่ต้องใช้การเขียนโค้ด เช่น Invoicing ด้วยการคลิกเพียงปุ่มเดียว
  
• จดทะเบียนชําระภาษี: Stripe Tax จะระบุลิงก์ไปเว็บไซต์ที่คุณใช้จดทะเบียนได้ เมื่อมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดการจดทะเบียนภาษีของรัฐหรือประเทศ
  
• เรียกเก็บภาษีการขายโดยอัตโนมัติ: Stripe Tax จะคํานวณและเรียกเก็บภาษีที่ค้างชําระ โดยรองรับผลิตภัณฑ์และบริการหลายร้อยรายการ รวมทั้งมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษี
  
• ทําให้การยื่นและนําส่งเป็นเรื่องง่าย: พาร์ทเนอร์ทั่วโลกที่เชื่อถือได้ของเราช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลธุรกรรมใน Stripe ของคุณ วางใจให้พาร์ทเนอร์ของเราจัดการการยื่นเอกสารเพื่อให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต
  

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Tax